ความลับของผู้ป่วย

นิยาม
ความลับของผู้ป่วย หมายถึง ข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยทุกอย่าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติสุขภาพหรือการรักษาพยาบาล เช่น การตรวจวินิจฉัยโรค อาการของโรค ยาที่ใช้ รักษา และถ้าหากเป็นการเจ็บป่วยที่ไม่เป็นไปตามปกติหรือมีผู้กระทำ เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยไปแล้วอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความอับอายหรือถูกคุกคามชีวิต เช่น กรณีผู้ป่วยถูกข่มขืน ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกยิง หรือป่วยเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ เป็นต้น

ความผิดเกี่ยวกับการเปิดเผยความลับของผู้ป่วย หมายถึง
1.     ความผิดฐานเปิดเผยความลับผู้ป่วยมาตรา 323 ตามประมวลกฎหมายอาญาจำคุกไม่เกิน เดือนปรับ 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
2.     พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15,24,25 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน ปี ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.     เกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2536 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่เปิดเผยความลับ ของผู้ป่วยซึ่งตนทราบมาเนื่องจากการประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ด้วยความยินยอมของผู้ป่วยหรือเมื่อต้องปฏิบัติ ตามกฎหมายหรือตามหน้าที่
เจ้าหน้าที่ หมายถึง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย หรือเกี่ยวกับการใช้ข้อมูล
กรรมการสารสนเทศ กำหนดแนวทางการเก็บรักษาความลับของผู้ป่วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติดังนี้

1. หลักการในการตัดสินใจ เพื่อเปิดเผยหรือปกปิดข้อมูลส่วนตัว หรือความลับของผู้รับบริการ มีดังนี้
  •  ให้ความสำคัญ เคารพเอกสิทธิ์หรือความเป็นอิสระในความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิผู้ป่วย
  • ความซื่อสัตย์ยึดมั่นในพันธะสัญญา การขอให้ผู้ป่วยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแก่ทีมสุขภาพเป็นการบ่งชี้ว่าทีมสุขภาพมี พันธะสัญญาที่จะต้องปกปิดความลับหรือใช้ข้อมูลที่ได้มานั้นอย่างเหมาะสม
  • ข้อยกเว้นสำหรับการปกปิดความลับการเปิดเผยความลับสามารถกระทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ป่วย ยินยอมและกรณีอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
    • ในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
    • ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะไร้ความสามารถ
    • เพื่อปกป้องผู้อื่นจากอันตราย หรือเพื่อประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
    • เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย เช่น การเปิดเผยให้บุคลากรอื่นในทีมสุขภาพ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย
    • เมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การรายงานโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การทารุณกรรมเด็ก โรคติดต่อ
2.จำกัดตัวบุคคลหรือบุคลากรที่มีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการ
  •  การจำกัดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการในคอมพิวเตอร์
    • เจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วย มีหน้าที่รักษาความลับของผู้ป่วย โดยมี Username / Password ในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละโปรแกรม
    • รหัส Username/Password ต้องเก็บรักษาเป็นความลับห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปใช้
    • กรรมการสารสนเทศกำหนดให้ต้องมี Username/Password ในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละโปรแกรม ดังนี้
      • โปรแกรม HOSxP  กำหนดให้มีการเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทุก 6 เดือน
      • ระบบ Datacenter  กำหนดโดยอ้างอิงสิทธิตาม HOSxP
      • โปรแกรมบันทึกข้อมูล online/offline ของ สปสช.
      • ระบบ internet ของโรงพยาบาล 
โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและใช้งานต้องเก็บ Username / Password ของตนเองเป็นความลับไม่เปิดเผยให้บุคคลอื่นล่วงรู้

  • กำหนดสิทธิ์ของผู้เข้าถึงข้อมูลและมีการกำหนดชั้นความลับของข้อมูลในโปรแกรม HOSxP ดังนี้
    • สิทธิในการใช้งานโปรแกรม HOSxP
    • สิทธิในการเข้าถึง/เพิ่ม/แก้ไข/ลบ/พิมพ์ ข้อมูลทะเบียนประวัติส่วนตัวของผู้ป่วย
    • สิทธิในการเข้าถึง/เพิ่ม/แก้ไข/ลบ/พิมพ์ ข้อมูลทะเบียนประวัติการเข้ารับบริการของผู้ป่วย
    • สิทธิในการเข้าถึงแผนก/หน่วยงานต่างๆ/คลินิกพิเศษ
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ รายการเวชภัณฑ์
    • สิทธิในการตรวจ/ยืนยันผลชันสูตร/เอกเรย์
    • สิทธิในการอ่านผลตรวจชันสูตร/เอกเรย์
    • สิทธิในการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ ข้อมูลการเงิน
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ ข้อมูลงานเอกสาร
  • กำหนดให้ศูนย์คอมพิวเตอร์มีหน้าที่เก็บ log file ของผู้ใช้งาน HOSxP และสามารถตรวจสอบ Log file ของผู้ป่วยได้หากเกิดกรณีแก้ไขดัดแปลงเกิดขึ้น
  • การจำกัดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการในแฟ้มเวชระเบียน
  • แฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยจัดเก็บที่ห้องเวชระเบียนซึ่งเป็นสถานที่เฉพาะและเป็นสัดส่วนจำกัดการเข้าถึง และ ให้สิทธิเฉพาะเจ้าหน้าที่งานเวชระเบียนในการค้นและจัดเก็บแฟ้มเวชระเบียนเท่านั้น และห้ามบุคคล ภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ..
  • นอกเวลาราชการและวันหยุดราชการจะปิดประตูเวชระเบียนทุกด้านให้มีการเข้าออกทางเดียวเพื่อป้องกันการสูญหายของเวชระเบียน
  • จัดให้มีการจัดเวรให้อยู่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเวรเช้าเสาร์-อาทิตย์ให้เวรละ 2 คน สำหรับวัน หยุดนักขัตฤกษ์จัดให้มีเวรเข้า  3 คน เวรบ่าย-ดึกเวรละ 2 คน เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการแก่ผู้รับ บริการ
  • การขอข้อมูลประวัติในแฟ้มเวชระเบียน ให้ปฏิบัติตามแนวทางการขอประวัติการรักษา (เวชระเบียนผู้ ป่วย)

หน้าที่ในการรักษาความลับของผู้ที่เข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย
1.     การบันทึกข้อมูลประวัติและการเข้ารับบริการของผู้ป่วย

    • ไม่บันทึกข้อมูลที่ไม่เป็นจริง (untrue information)
    • ไม่ควรบันทึกข้อมูลที่เป็นจริงแต่เป็นข้อมูลที่ไม่สมควรบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
    • ก่อนการบันทึกข้อมูลใดๆ ลงในแฟ้มประวัติเวชระเบียนของผู้ป่วย หรือในคอมพิวเตอร์ต้องพิจารณาเนื้อหาที่จะบันทึกให้รอบคอบ
    • การนำข้อมูลของผู้ป่วยหรือตัวผู้ป่วยไปเผยแพร่ให้ความรู้ จัดทำราย ตีพิมพ์เอกสารทางวิชาการต่างๆ
    • ให้เก็บเอกสารหรือรายงานเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นความลับ เมื่อนำไปใช้ในการสอนหรือใช้ประกอบในการเขียนรายงานต่าง ๆ
    • การเปิดเผยข้อมูลจะต้องได้รับหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ที่แสดงถึงความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล
    • การเขียนรายงานผู้ป่วยเพื่อตีพิมพ์โดยทั่วไปแล้วไม่ควรใส่ ชื่อ-นามสกุลผู้ป่วย
    • หลีกเลี่ยงการตีพิมพ์ หรือแสดงรูปผู้ป่วยที่เห็นใบหน้าชัดเจน ถ้าจำเป็นต้องปิดส่วนหนึ่งของใบหน้า
    • การนำผู้ป่วยไปแสดงหรือปรากฏตัวต่อสาธารณชนเพื่อเป็นตัวอย่างในการให้ความรู้แก่ประชาชน ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยก่อนการนำเรื่องราวของผู้ป่วยไปเปิดเผยต่อสื่อมวลชน 
    • ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการนำเรื่องผู้ป่วยเข้าประชุมปรึกษาหารือกับกลุ่มบุคคลอื่น ที่อยู่นอกวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่ควรเปิดเผยชื่อ- นามสกุลผู้ป่วย
    • ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เวชระเบียนหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด
    • กรณีเป็นบุคลากรที่มีหน้าที่ในการให้ข้อมูลหรือตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ป่วย เช่น ระชาสัมพันธ์   ควรจะต้องระมัดระวัง และตรวจสอบผู้ที่ถามนั้นว่า เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยอย่างไรก่อน ให้ข้อมูลตามความจำเป็นและตามขอบเขตที่ได้รับอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วยได้การอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วย 
โรงพยาบาลกำหนดให้บุคลากรต่อไปนี้มีสิทธิอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วย
  • ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ,ประธานองค์กรแพทย์ ,แพทย์เจ้าของไข้,หัวหน้างานเวชระเบียน

วิธีปฏิบัติเมื่อมีการละเมิด
1.     ผู้พบเหตุการณ์รายงานหัวหน้าหน่วยงานทราบเพื่อประเมินและบันทึกความเสี่ยง หัวหน้าหน่วยงานรายงานผู้จัดการความเสี่ยง/หัวหน้างานเวชระเบียน ทราบเพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ทันท่วงที
2.     คณะกรรมการสารสนเทศทบทวนความเสี่ยงทำ RCA( Root Cause Analysis)หาสาเหตุของปัญหาและประสานกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
3.     คณะกรรมการสารสนเทศพิจารณาแนวทางแก้ไข ออกระเบียบปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุละเมิดเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อน
การรักษาความปลอดภัย และป้องกันการสูญหายของแฟ้มเวชระเบียนมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้
1.     จัดสถานที่ให้เหมาะสำหรับจัดการเก็บรักษา โดยมีชั้นสำหรับใส่แฟ้มประวัติผู้ป่วยนอกและแฟ้มผู้ป่วยในและเน้นให้เก็บอย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสียหายทางกายภาพ มีช่องที่มีขนาดเหมาะสม    หยิบใช้สะดวก ลดการเกิดการชำรุดของเวชระเบียน
2.     สำรวจสายไฟในหน่วยงานไม่ให้ชำรุดสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอัคคีภัย
3.     มีการจำลองเหตุการณ์ ร่วมซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
4.     จัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง และมีการตรวจสอบให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายทางกายภาพที่อาจเกิดขึ้นของเวชระเบียน
5.     การสำรวจปลวกและกำจัดปลวกในหน่วยงาน และมีระบบการจัดการขยะที่เหมาะสมในหน่วยงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
6.     สถานที่จัดเก็บแฟ้มเวชระเบียนของผู้ป่วยทุกประเภทห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
7.     การขอประวัติผู้ป่วยเพื่อไปใช้ภายนอกโรงพยาบาล ต้องทำบันทึกการขอข้อมูลตามแบบฟอร์มไว้เป็นหลักฐาน เพื่อขออนุญาตกับผู้บังคับบัญชา และพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยให้เฉพาะสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
8.     เจ้าหน้าที่ของแผนกเวชระเบียนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในได้     โดยทุกคนจะได้รับการอบรมในเรื่องการรักษาข้อมูลผู้ป่วย จรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่เวชระเบียน ในการไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือการขอเข้าดู
9.     มีการจัดเวรปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเวรเช้าวันเสาร์-อาทิตย์จัดเวรละ 2 คน เวรบ่าย-ดึก    เวรละ 1 คน และจัดเจ้าหน้าที่เสริมในวันที่มีผู้รับบริการมาเป็นพิเศษ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ
10. ห้องตรวจจะต้องส่งแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย คืนหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจในแต่ละวันหรือภายใน 24     ชั่วโมง ผู้ป่วยที่ Admit ให้ ward ส่งคืน OPD Card ภายหลัง Discharge ผู้ป่วย
11. แฟ้ม IPD ภายใน 15 วัน หลังจากผู้ป่วย Discharge เจ้าหน้าที่ผู้คืนจะต้องลงบันทึกการคืนในใบรายงานยอดผู้ป่วยนอกหรือสมุดส่งคืนแฟ้มผู้ป่วยใน ส่วนเจ้าหน้าที่เวชระเบียนมีหน้าที่รับคืนโดย manual และบันทึกใน Computer
12. การใช้ระบบสารสนเทศในการควบคุมเวชระเบียนโดยออกแบบโปรแกรมสามารถบันทึกการส่งเวชระเบียนผู้ป่วยไปแผนกต่างๆ และสามารถตรวจสอบกลับได้ เมื่อพบว่าประวัติผู้ป่วยที่ค้นหาไม่พบถูกส่งไปจุดบริการใดเป็นจุดสุดท้ายที่ใช้บริการ
13. การประชุมชี้แจงนโยบายด้านเวชระเบียนให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทราบ
14. กรรมการสารสนเทศกำหนดผู้มีสิทธิและระดับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลในแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย ดังนี้

ผู้มีสิทธิ
1.     เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเวชระเบียนทุกคน
2.     แพทย์/พยาบาล ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
3.     ผู้ทำงานวิจัย หรือนักศึกษาหลักสูตรทางการแพทย์และสาธารณสุขต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าฝึกอบรมที่โรงพยาบาล

4.     ศาล ,บริษัทประกันชีวิต,สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สำนักงาประกันสังคม,บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ,กรมบัญชีกลาง ต้องทำหนังสือขอเข้าดูข้อมูล หรือมีหมายศาล โดยผ่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล

1 ความคิดเห็น: