ตั้งคำถามตั้งแต่ไก่โห่ครับ ไม่มีเวชระเบียนได้มั๊ย ถ้าไม่พิมพ์ OPD Card ค่าใช้จ่ายน่าจะลดเยอะเลยนะลองพิจารณาดู จะนำเอาเป็นวาระของจังหวัดละกัน....โห
ยกตัวอย่าง การเขียนเพิ่มเติมเช่น คอมเมนต์กรณีปรับเปลี่ยนการกิน เหตุผลการเปลี่ยน อธิบายบาดแผล การประเมิน Coma score Pain Score เป็นต้น กรณีเช่นนี้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความยุ่งยากซับซ้อนเพราะต้องบันทึกในหลายที่ หลายแบบฟอร์ม สุดท้ายก็...ลืม (ตัวอย่างเป็น OPD Card คนละท่อนกันครับสิทธิควรเป็น พรบ.)
คำถามตามมาครับ
1. ดูประวัติเก่ายังงัย ---- ดูที่ Patient EMR เอาซิ ลงให้ครบมันก็ดูได้หมดแหละ ยากนิดนึงแต่ต้องเริ่ม
กรณีที่ต้องบันทึกเพิ่มเติมอย่างเช่นที่เคยยกตัวอย่างไว้ ต้องหาที่บันทึกแล้วถึงนำมาสู่การรีวิวประวัติรักษาพยาบาลผ่าน EMR
2. กรณีสุ่มประเมินเวชระเบียนละครับเอาเอกสารไหนอ้างอิง -- พิมพ์ให้เป็นครั้งๆไป คำตอบคงได้แล้วนะครับ หลายๆที่จะใช้วิธีลักไก่ (เช่น ไม่มีการตรวจร่างกาย ก็จะเพิ่มข้อมูลการตรวจร่างกายแล้วพิมพ์ออกมา พิมพ์คำแนะนำออกมา เป็นต้น) กรณีเช่นนี้ความเชื่อถือของเวชระเบียนดิจิตอล คงไม่ยอมรับอันจะส่งผลถึงเรื่องผลกระทบที่จะตามมาอีก
3. กรณีการเขียนเพิ่มเติมและไม่สามารถลงบันทึกใน HOSxP ได้ทำยังงัย --- ไม่ต้องมี ไม่ดู ไม่ต้องสนใจเรื่อง Medical Record Audit หรอก เงินนิดเดียวเอง จริงครับแต่พอประเมินขั้นสอง HA ถามจริงครับผลของ MRA ต้องมีคะแนนมากกว่าร้อยละ ?
4. ผู้ใช้ ยังไม่ยอมรับครับ -- ยังงัยมันต้องเริ่ม พอเริ่มแล้วก็จะสบาย เห็นด้วยอย่างยิ่งในกรณีนี้
5. กรณีเกิดความผิดพลาดระหว่างการบันทึก เช่น จำนวนยาผิด ขนาดผิด อื่นๆ ผิด จะมีการทวนสอบกันระหว่างทีมสุขภาพอย่างไร กรณีนี้เริ่มพบอุบัติการณ์บ้างแล้วหลังจากเริ่มการไม่พิมพ์ OPD Card เช่น การ Remed ยาเดิมโดยไม่ได้ปรับลดจำนวนและรายการยา ทำให้ได้รับยาเกินความจำเป็นไม่สอดคล้องกับภาวะโรคที่มาในครั้งนั้น การสั่งยาผิดขนาดที่ใช้ เช่น จากครึ่งเม็ดเป็น 1 เม็ดจะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เป็นต้น
มาดูกันต้องเตรียมเรื่อง เตรียมราว อะไรบ้าง
1. ระบบสำรองข้อมูล เชื่อถือได้ เป็นไปตามมาตรฐาน --; เรื่องดังกล่าวต้องลงทุนสูง ปัจจุบัน สถานการณ์การเงินโรงพยาบาลแต่ละแห่งเป็นยังงัย พอรู้กันอยู่ ข้อนี้สอบผ่านคาบเส้นครับ
2. ระบบสารสนเทศ HOSxP ต้องมีประสิทธิภาพ ทำงานราบรื่น --- เรื่องนี้มี Supporting ที่ดีพอสมควร เพราะจ่ายเงินค่า Activated ทุกปี ไม่น่ามีปัญหา.....
3. ผู้รับผิดชอบหลักมีเพียงพอ เช่น นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ช่างเทคนิค พนักงานธุรการ เป็นต้น ข้อนี้โรงพยาบาลหลายแห่งตกม้าตายตอนปี 57 นี่แหละ เพราะว่ามีการชะลอ จ้างลูกจ้างชั่วคราวทุกตำแหน่ง ยกตัวอย่างที่นี่ Programmer ลาออกพอดีครับเป็าหน้าที่ที่ถูกถ่ายทอดภาระกิจอันหนักอึ้งต่อไป 555
คราวนี้มาดูเหตุผลดูดูแลระบบเวชระเบียนผู้ป่วยครับ
1. ระบบเวชระเบียนถูกออกแบบมาสำหรับการบริการผู้ป่วยและผู้รับบริการทั่วไป ถูกออกแบบมาพร้อมกับระบบสาธารณสุขมากว่า 100 ปีแล้วเพื่อเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างทีมที่ให้บริการและกับผู้รับบริการโดยตรง เวชระเบียนเอื้อกับระบบการเขียนมานาน จนกระทั่งมีการนำเทคโนโลยีสานสนเทศทางการแพทย์มาใช้ ระบบเวชระเบียนดูเหมือนจะมีการปรับเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร อีกทั้งยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำไปใช้เป็นหลักฐานทางกฏหมาย งานวิจัยและพัฒนา การใช้ประโยชน์ในกรณีประกันชีวิต อื่นๆอีกจิปาถะ
2. จากภาวะการณ์ดังกล่าว เวชระเบียนผู้ป่วยถูกอ้างอิงจาก "เวชระเบียนฉบับจริง" ซึ่งผู้รับผิดชอบและผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยที่ส่วนใหญ่ยังคงมีการพิมพ์เวชระเบียนออกมาทุกครั้งที่มีการให้บริการเนื่องมาจากความชำนาญของการบันทึกข้อมูล การใช้ระบบสารสนเทศยังไม่ถ่องแท้ รวมถึงเหตุสำคัญเช่นผู้ป่วยห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน ซึ่งมีการเขียนบันทึกเพิ่มเติมในหลายแบบฟอร์มและในคอมพิวเตอร์อีกต่างหาก ดังนั้นโอกาสที่จะมีข้อมูลสำคัญในการให้การรักษาพยาบาลสูญหายได้ กรณีที่เป็นคดีความทางกฏหมาย เช่น กรณีรถล้ม รถยนต์ชน ถูกทำร้ายร้างกาย อื่นๆ จำเป็นต้องมีเอกสารหรือแบบฟอร์มอื่นที่จะถูกบันทึกเพิ่มเติม รวมถึงเอกสารอื่นๆที่ตามมาเช่น เอกสารรับรองการได้รับยาและเวชภัณฑ์ของผู้มีสิทธิโครงการจ่ายตรงกรมบัญชีกลางและ อปท. แบบบันทึกการขอใช้ยานอกบัญชียาหลักในผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้และใช้เป็นหลักฐานในการเบิกชดเชยค่ารักษาพยาบาลกับ สปสช. และ สกส. กรณีที่อ้างอิงข้างต้นจำเป็นต้องมีการเขียนหรือลงลายมือชื่อผู้รับบริการเพิ่มเติม ดังนั้นหากโรงพยาบาลไม่มีการจัดการลดค่าใช้จ่าย ลดความซ้ำซ้อนของการบันทึก ลดแบบฟอร์มต่างๆที่เกี่ยวข้องจะ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย เข้าไปอีก .... ดูต่อนะครับเรื่องลดแบบบันทึกต่างๆ
3. อีกทั้งประเด็นสำคัญ ระบบสารสนเทศในโรงพยาบาลชุมชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถจัดการเพื่อให้ได้มาตรฐานในการรับรองเวชระเบียนดิจิตอลได้ดีพอ ทั้งนี้ด้วยสาเหตุหลายๆประการอาทิเช่น บุคลากรผู้รับผิดชอบ มาตรฐานครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ มาตรฐานการสำรองข้อมูลรวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การปฏิบัติตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
สาเหตุที่ร่ายยาวมาทั้งหมดข้างต้น เพื่อเป็นเหตุผลประกอบในการยังคงมี "เวชระเบียนฉบับจริง" อีกทั้งยังเป็นการรับประกันกรณีข้อมูลสูญหายแต่ยังคงมีระบบสำรองเป็นเอกสารอยู่อีกชั้นหนึ่ง
เพื่อสนับสนุนนโยบายที่อาจเป็นไปได้มากที่สุดมีข้อเสนอดังนี้ครับ
- ลดความซ้ำซ้อนของการบันทึกให้ได้มากที่สุด (อยู่ในบทความก่อนหน้านี้)
- ใช้ระบบสแกนเอกสารเก็บ
- ไม่ให้มีการใช้แฟ้มเวชระเบียนในทุกขั้นตอนบริการ
- ผู้รับบริการได้รับเอกสารแค่ 2 ชิ้นในการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คือ 1.บัตรคิว (ราคา 5-10 สต.) 2. บัตรตรวจโรค (ราคา 18 สต.)
บทความดีเยี่ยม มีคำตอบให้ผู้บริหารแล้ว ขออนุญาตแชร์ต่อ ขอบคุณคะ
ตอบลบ